วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กุหลาบสื่อความหมาย

กุหลาบสื่อความหมาย




หลายตำนานเล่าถึงการเกิดกุหลาบสีขาวและกุหลาบสีแดงไว้แตกต่างกัน ตำนานหนึ่งเล่าว่า กุหลาบขาว เกิดขึ้นก่อน กุหลาบแดง เดิมทีมีนกไนติงเกลตัวหนึ่งมาหลงรักเจ้าดอกกุหลาบขาวแสนสวย ขณะที่มันกำลังจะโอบกอดดอกกุหลาบด้วยความรักนั้นเอง หนามกุหลาบก็ทิ่มแทงที่หน้าอกของมัน หยดเลือดของเจ้านกไนติงเกลเลยทำให้ดอกกุหลาบสีขาวกลายเป็นสีแดง เลยมีดอกกุหลาบสีแดงนับแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนอีกตำนานหนึ่งก็เล่าว่ากุหลาบสีแดงใน สวนอีเดน เกิดจาการจุมพิตของ อีฟ เจ้าดอกกุหลาบขาวที่หญิงสาวจุมพิต เลยเกิดอาการขวยเขินจึงเปลี่ยนเป็นสีแดง
นอกจากนี้ ความหมายของความรักในศาสนาคริสต์ ถือว่ากุหลาบสีขาวแทนความบริสุทธิ์ของ พระแม่มาเรีย และกุหลาบสีแดงเกิดจากหยาดพระโลหิตของ พระเยซูเจ้า เมื่อถูกสวมมงกุฎหนาม มันจึงเป็นสัญลักษณ์ของผู้ประกาศศาสนาที่พลีชีพเพื่อพระผู้เป็นเจ้า
สีกุหลาบสื่อความหมาย
ในวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก ดอกกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ และของกำนัลของวันนี้ ดังนั้นเวลาที่คิดจะให้ดอกกุหลาบแก่ใครสักคน เราก็น่าจะรู้ความหมายของสีอันเป็นสื่อความหมายของดอกกุหลาบไว้บ้างก็น่าจะดี ซึ่งก็จะมีความดังนี้


สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปราถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง

สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ



สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย


ช่อกุหลาบสื่อความหมาย

จำนวนดอกกุหลาบในช่อก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สื่อความหมายได้เช่นกัน และในวันวาเลนไทน์หรือวันไหนๆ ถ้าคุณได้ช่อดอกกุหลาบจากใครสักคน เค้าคนนั้นอาจกำลังต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่างให้คุณรู้ก็เป็นได้
จำนวนดอกกุหลาบ


1
เธอเป็นหนึ่งเดียวของฉันเท่านั้น

2
มีเพียงเธอกับฉัน

3
ฉันรักเธอ

5
การให้ที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ

9
อยู่ด้วยกันยืนยาวและมั่นคง

11
รักเธอที่สุด

24
ฉันคิดถึงเธอตลอดเวลา

100
เราจะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร

365
ฉันคิดถึงเธอทุกๆวัน



ตำนานดอกกุหลาบ

ตำนานที่ 1

เป็นเรื่องเล่าตามบันทึกของศาสนาคริสต์ จารึกโดย "เซนต์แอมโบรส"ว่า กุหลาบถูกส่งลงมาจากสวรรค์
พร้อมกับหนามอันแหลมคม เพื่อเตือนให้มนุษย์ระลึกถึงความเจ็บปวด ที่เกิดจาก ความประพฤติผิดของตน
เมื่อครั้งที่ อาดัมมนุษย์ผู้ชายคนแรกของโลก พลาดพลั้งทำตัวให้เปื้อนบาป แต่พระเจ้ายังได้มอบความงาม
และความหอมของกุหลาบ เพื่อให้มนุษย์พึงระลึกว่าชีวิตยังมีความหวัง และสามารถถ่ายถอนบาปได้เช่นกัน

ตำนานที่ 2

เล่าถึง...สีแดงของดอกกุหลาบว่า เดิมทีกุหลาบมีสีขาวบริสุทธิ์เพียงสีเดียว แต่เมื่อ อีฟ หญิงสาวคนแรกของโลก
ไปจุมพิต ดอกกุหลาบเข้า จึงทำให้ดอกกุหลาบมีสีแดง บางกระแสเล่าว่า อีฟเป็นคนตั้งชื่อดอกไม้ที่เธอโปรดปราน
ชนิดนี้ว่า... "Rose" และกุหลาบเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่ออดัมกับอีฟถูกไล่ออกจากสวนอีเดน สื่อความหมายถึง
การที่มนุษย์เอาบาปไปแปดเปื้อนสีขาว บริสุทธิ์ของดอกไม้ ให้เปลี่ยนเป็นสีแดงแห่งกิเลส และตัณหา

ตำนานที่ 3

กล่าวว่า กุหลาบเกิดจากการชุมนุมของบรรดาทวยเทพ เพื่อประทานชีวิตใหม่ให้กับนางกินรีนางหนึ่ง
ซึ่งเทพธิดาแห่งบุปผาชาติ หรือ"คลอริส" บังเอิญไปพบนางนอนสิ้นชีพอยู่ ในตำนานนี้กล่าวว่า อโฟรไดท์
เป็นเทพผู้ประทานความงามให้ และมีเทพอีก สามองค์ประทานความสดใส เสน่ห์ และความน่าอภิรมย์ และมี
เซไฟรัส ซึ่งเป็นลมตะวันตกได้ช่วยพัดกลุ่มเมฆ เพื่อเปิดฟ้าให้กับ แสงของเทพ อพอลโล หรือแสงอาทิตย์ส่องลงมา
เพื่อประทานพรอมตะ จากนั้น ไดโอนีเซียส เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทาน น้ำอมฤต และกลิ่นหอม
เมื่อสร้างบุปผาชาติดอกใหม่นี้ขึ้นมาได้แล้ว เทพทั้งหลายก็เรียกดอกไม้ ซึ่งมีกลิ่นหอม และทรงเสน่ห์นี้ว่า...
"Rosa" จากนั้น เทพธิดาคลอริส ก็รวบรวมหยดน้ำค้างมาประดับเป็นมงกุฎ เพื่อมอบให้ดอกไม้นี้เป็นราชินี
แห่งบุปผาชาติทั้งมวล จากนั้นก็ประทานดอกกุหลาบให้กับเทพ อีโรส ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก "กุหลาบ"
จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก แล้วเทพ อีโรส ก็ประทานกุหลาบนี้ให้แก่ ฮาร์โพเครติส ซึ่งเป็นเทพแห่ง
ความเงียบ เพื่อที่จะเก็บซ่อนความอ่อนแอของทวยเทพทั้งหลาย
ดอกกุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ ของความเงียบ และความเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง


กรีก

มีตำนานเล่าถึงกำเนิดของดอกกุหลาบ ตามความเชื่อในเรื่องเทพเจ้าของกรีก ด้วยเช่นกันว่า เมื่อครั้งที่
เทวีแห่งความรักนามว่า... " อโฟรไดท์ " (venus) ถือกำเนิดขึ้นจากท้องทะเล กุหลาบก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
จากฟองคลื่นขาวสะอาดที่สาดซัดมาต้อนรับ
การเกิดของอโฟรไดท์ กุหลาบทุกดอกยังคงมีสีขาวบริสุทธิ์ เหมือนตอนที่ถือกำเนิดขึ้นมา จนกระทั่งวันหนึ่ง
อาโดนิสชู้รักคนหนึ่ง ของอโฟรไดท์ได้รับบาดเจ็บ จนถึงแก่ความตายในการล่าหมูป่า กุหลาบแดงจึงมีขึ้นมาในโลก
สีแดงของกุหลาบเกิดจาก เลือดของชายหนุ่มที่หยดลงไปโดนกุหลาบที่อยู่ใกล้ บ้างก็เล่าว่า ระหว่างที่อโฟรไดท์
เร่งรีบจะไปช่วยชายคนรักเกิดโดนหนามกุหลาบ เกี่ยวและเลือดที่รินไหลทำให้กุหลาบกลายเป็นสีแดง
และนั่นคือที่มาของกุหลาบแดงที่ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แทนความรัก

โรมัน

กล่าวถึงตำนานของดอกกุหลาบว่า คิวปิดลูกชายของวีนัส เป็นผู้ทำเหล้าองุ่นหกรดดอกกุหลาบหลายดอก
กุหลาบเหล่านั้นจึงมีสีแดง
ส่วนหนามที่แหลมคมของกุหลาบเกิดขึ้นจากความ โกรธเคืองในขณะที่คิวปิดกำลังชื่นชมความหอมของดอกกุหลาบ
กลับ โดนผึ้งต่อย คิวปิดจึงควักธนูมายิงใส่พุ่มกุหลาบทำให้กุหลาบมีหนามที่แหลมคม

เปอร์เซียร์

มีตำนานเล่าขานถึงกำเนิดของกุหลาบแดงไว้เกี่ยวกับเจ้านกไนติงเกลตัวแรกของโลกมีความปรารถนา
ที่จะกล่อมราตรีกาลให้หวานชื่น ด้วยเสียงอันไพเราะของมันแต่ด้วยกลัวว่า จะเผลอหลับ เจ้านกไนติงเกลจึงปักอก
ของตัวเองลงที่หนามกุหลาบทำให้มันสามารถทำได้ ดังที่ตั้งใจไว เลือดของเจ้านกไนติงเกล
ที่หยาดหยดจึงทำให้ดอกกุหลาบมีสีแดง





วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

มะลิลา

มะลิลา



ชื่อวิทยาศาสตร์: Jasminum sambac (L.) Aiton

ชื่อสามัญ: Arabian Jasmine, Jusmine, Kampopot

ชื่ออื่น: มะลิซ้อน (ภาคกลาง), มะลิป้อม (ภาคเกนือ), มะลิหลวง (แม่ฮ่องสอน), ข้าวแตก (ฉาน-แม่อ่องสอน), เตียมุน (ละว้า-เชียงใหม่), มะลิขี้ไก่ (เชียงใหม่)

วงศ์: OLEACEAE

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:

ไม้พุ่ม แกมเถา กิ่งอ่อนมีขนสั้นๆ สีขาว

ใบ ใบเรียงตรงข้าม ใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยใบเดียว รูปไข่ รีหรือรีขอบขนาน กว้าง 3-5 ซม. ยาว 6-10 ซม. โคนใบมนหรือสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเรียบเป็นมัน ด้านท้องใบเห็นเส้นใบชัดเจน เส้นใบขนาดใหญ่มี 4-6 คู่ ก้านใบสั้นมากและมีขน




ดอก ดอกช่อออกตามซอกใบและปลายกิ่ง มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน โคนกลีบดอกจะเชื่อมกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 1.5 ซม. ปลายแยกเป็น 5-8 กลีบ เมื่อดอกย่อยบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 ซม. ดอกที่อยู่ตรงกลางจะบานก่อน มีกลิ่นหอมแรง แต่ละดอกมีกลีบเลี้ยงเป็นหลอดสีเขียวอมเหลืองอ่อน ส่วนปลายแยกเป็น เส้น เกสรเพศผู้ 2 อันติดกับกลีบดอกในหลอดสีขาว มักไม่ติดผล

ดาวกระจาย

ดาวกระจาย





การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์

อาณาจักร Plantae
ส่วน Magnoliophyta
ชั้น Magnoliopsida

อันดับ Asterales
วงศ์ Compositae

สกุล Cosmos
สปีชีส์ Cosmos sulphureus

ชื่อสามัญ : Mexican Diasy, Cosmos
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cosmos sulphureus Cav.
ตระกูล : Compositae
ถิ่นกำเนิด : อเมริกากลาง






ลักษณะทั่วไป

ดาวกระจายมีพุ่มต้นสูง 3-4 ฟุต เป็นไม้ดอกที่พบปลูกตามรั้วบ้าน และขึ้นเองทั่วไปตามริมทาง
เมล็ดงอกง่ายเจริญเติบโตเร็วเมื่อต้นโตเต็มที่จะออกดอกสะพรั่งทยอยบานนาน 4- 6 สัปดาห์จากนั้นดอกจะโรยพร้อมกับติดเมล็ดเพราะดอกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่งดอกวงนอกเป็นหมันกลีบดอกมีสีต่างๆมีตั้งแต่สีชมพู ชมพูอมม่วง แดง ขาว กลีบดอกบาง มี 8 กลีบสีเหลืองถึงสมมีหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์ดอกซ้อนมีพุ่มเตี้ย ส่วนดอกวงในเป็นดอกสมบูรณ์เพศกลีบดอกเป็นหลอดสีเหลืองปลายจักส่วนมากเป็นดอกชั้นเดียว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางดอก ประมาณ 3 นิ้ว


สภาพการปลูก

ดาวกระจายเป็นไม้ดอกอีกชนิดหนึ่งที่ปลูกง่ายเลี้ยงง่ายและโตเร็ว สามารถขึ้นได้ในทุกที่ ๆ มีแสงแดดจัด ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน หนาวหรือฝน


การขยายพันธุ์

ขยายพันธุ์โดย การเพาะเมล็ด






การดูแลรักษา


การรดน้ำทำตามความจำเป็น เตรียมดินก่อนปลูกให้พอสมควร เมื่อต้นงอกและมีขนาดโตคือมีใบจริง 2-3 คู่ ใส่ปุ๋ยผสม 15-15-15 หรือใกล้เคียง ต้นละประมาณ 1 ช้อนชา เพียงครั้งเดียว ดาวกระจายจะงามทั้งต้นและดอก แต่มีข้อเสียนิดหน่อย คือ ดาวกระจายมีอายุค่อนข้างสั้น ออกดอก เพียง 3-4 ชุดด้นจะโทรม และตายในที่สุด จึงต้องขยันปลูกใหม่เสมอ

ดาวเรือง Tagetes erecta

ดาวเรือง






อาณาจักร Plantae
ส่วน Magnoliophyta
ชั้น Magnoliopsida

อันดับ Asterales
วงศ์ COMPOSITAE

สกุล Tagetes
สปีชีส์ T. erecta


ชื่อวิทยาศาสตร์ Tagetes Patulal French Marigold

ตระกูล Compositae-Asteraceae

ชื่อพฤกษาศาสตร์ Tagetes erecta


ถิ่นกำเนิด อเมริกาใต้และประเทศเม็กซิโก

วรรณคดีที่กล่าวถึง นิราศธารทองแดง

การขยายพันธุ์ การเพาะเมล็ด

ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้พุ่ม อายุสั้น สูง 20-50 ซม. ลำต้นกลม มักมีสีม่วงปน ใบประกอบ ใบย่อยหยักลึกสุดแบบขนนก เป็นแฉกรูปใบหอกถึงรูปแถบแคบ สีเขียวสดใบมันมีกลิ่นหอมเฉพาะ ดอกออกเป็นดอกเดี่ยวๆที่ปลายยอด มีด้วยกันหลายสี เช่น สีเหลืองสม สีส้ม สีแดง หรือมีหลายสีในดอกเดียวกัน ชึ่งดาวเรืองฝรังเศสเป็นชนิด 2 สีในดอกเดียวกัน โดยผู้ขายเรียกเป็นภาษาไทยว่า ดาวเรืองไข่ดาว ดอกวงในเป็นสีเหลืองสดหรือสีเหลือง ทองจำนวนมากเบียดกันแน่นเป็นรูปทรงกลมคว่ำ มีกลีบดอกวงนอกเป็นสีแดวสดหรือสีแดงซ้ำๆชั้นเดียว เรียงรอบขอบ กลีบดอกชั้นในทำให้ดูสวยงามน่ารักมาก ผลเป็นรูปแบนมีจำนวนมาก ดอกออกเมื่อต้นสมบูรณ์

ฤดูกาลออกดอก
ในช่วงปลายปีถึงต้นปี

สภาพการปลูก
ดาวเรืองฝรั่งเศสเป็นพรรณไม้ทีชอบแสงแดด ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ชอบดินโปร่ง

การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด




การปลูกและดูแลรักษา

ดินที่ใช้ปลูกดาวเรืองฝรั่งเศสควรเพิ่มฟางแห้งสับละเอียด 2 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วนคลุกทุกอย่างให้เข้ากันจนได้ที่ ถ้าปลูกลงแปลงจำนวนหลายต้น ต้องยกแปลงปลูกให้สูง เกลี่ยดินหน้าแปลงให้เรียบ ปลูกห่างกัน 1 ฟุตต่อต้น ถ้าปลูกลงกระถางทำทางระบายน้ำก้นกระถางให้ดี นำไปตั้งในที่แจ้งรดน้ำด้วยบัวฝอยพอชุ่มเช้าเย็น บำรุงปุ๋ยขี้วัวหรือขี้ควายแห้ง โรยตามหน้าแปลงและใต้โคนต้นที่ปลูกในกระถาง สลับกับปุ๋ย16-16-16 เดือนละครั้ง จะทำให้มีดอกสวยงาม ซึ่งเมื่อดอกเริ่มแก่หรือโรยสามารถเก็บไปเพาะขยายพันธุ์ปลูกทดแทนได้


ดอกไม้สัญลักษณ์
ดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสมุทรปราการ

การใช้ประโยชน์
ดอกดาวเรืองใช้ร้อยพวงมาลัยชนิดต่างๆเพื่อการบูชาพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อ กลีบดอกดาวเรืองมีสารสีเหลืองที่เรียกว่า xanthophyll สูง จึงมีการปลูกเพื่อเก็บดอกเพื่อเอาไปเป็นส่วนผสมของอาหารไก่ไข่เพื่อให้ไข่แดงมีสีแดงสวยทดแทนสารสังเคราะห์

ดาวเรืองสะสมสารหนูได้ 42% ในใบ จึงมีประโยชน์ในการฟื้นฟูดินที่ปนเปื้อนสารหนู


Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...